วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ความว่างที่ผมพบมาในการปฏิบัติ

ความว่างที่ผมพบมาในการปฏิบัติ

ในข้อเขียนนี้ ผมจะเขียนขึ้นจากสิ่งที่ผมประสบมาจากการปฏิบัติธรรมในเรื่องความว่าง

1. ความว่างในบทความนี้ คืออะไร
ความว่าง มันก็คือว่าง ไม่มีอะไรเลย สำหรับสภาวะธรรมแล้ว
ความว่างนี้ จะหมายถึง จิตใจที่กำลังว่างเปล่า ปราศจากการปรุงแต่งใด ๆ ทั้งสิ้นในจิตใจ แต่ยังพร้อมอยู่ด้วยสภาวะของการรู้

2. เมื่อใครก็ตามที่ได้เจริญสติปัฏฐาน 4 อย่างถูกต้องถูกทาง เขาจะพบสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นในจิตใจของตนเองก็คือ เมื่อมีการปรุงแต่งเกิดขึ้นในจิตใจ ไม่ว่า สิ่งปรุงแต่งนั้นจะดีหรือเลว เป็นบุญหรือว่าเป็นบาป จะมีพลังงานอย่างหนึ่งเกิดขึ้นในจิตใจ ที่ผู้ปฏิบัติจะสัมผัสพลังงานนั้นได้ พลังงานนี้จะมีลักษณะเป็นก้อนเป็นดวงขึ้นมา บอกไม่ได้ว่า ก้อนเล็กหรือก้อนใหญ่ บอกไม่ได้ว่า ตั้งอยู่ที่ใด แต่สามารถสัมผัสถึงก้อนพลังงานนี้ได้ เมื่อก้อนพลังงานอันเกิดจากการปรุงแต่งของจิตใจปรากฏขึ้น เมื่อนั้น จิตใจก็จะไม่ว่างเสียแล้ว

3.ผู้ปฏิบัติธรรมที่ปฏิบัติมาถูกทาง เมื่อเขาได้พบกับความว่าง เขาก็จะเข้าใจได้ว่า ความว่างนั้น ก็สักแต่ว่าเป็นสภาวะธรรมอย่างหนึ่ง มันไม่ใช่ของเรา มันไม่ใช่ตัวเรา ไม่ยินดียินร้ายในสภาวะธรรมที่เป็นความว่างนี้

4 แต่สำหรับผู้ปฏิบัติที่ปฏิบัติมาไม่ตรงทาง เขาจะไปสร้างความว่างขึ้น เกิดความอยากต้องการให้จิตว่าง เพราะมักจะได้ยินสรรพคุณความสุขอันมากจากจิตที่ว่าง เขาจะสร้างจิตว่างขึ้นมาโดยการบังคับจิต กดข่มจิต ไม่ให้จิตใจรับรู้อะไรเลย และเขาเข้าใจว่า จิตใจที่เขาสร้างนี่เป็นความว่าง แต่เขาไม่รู้หรอกว่า อันว่าความว่างชนิดนี้ เป็นความว่างที่ประกอบด้วยความหลง (อันเป็น โมหะ) และ ความต้องการที่จะบังคับจิต และความอยากได้ความว่าง (อันเป็น โลภะ)
มันจึงไม่ใช่ความว่างที่เป็นจิตใจที่ว่างอยู่ตามธรรมชาติมันเอง ผู้ปฏิบัติที่สร้างความว่างชนิดนี้ขึ้นมา มักจะบูชาความว่างนั้น และยอมรับว่า ความว่างนี่เป็นเขา เป็นของเขา เมื่อใครมาทำให้จิตใจของเขาสูญเสียความว่างขึ้นมา เขาก็จะโกรธเป็นอันมาก ความว่างชนิดนี้ มักจะอยู่ได้ในขณะที่กำลังนั่งสมาธิตัวนิ่งแข็ง ไม่ไหวติง ถ้าเมื่อใดที่สมาธิของเขาถอนออก ความว่างชนิดนี้ก็จะหายไปทันที

5.การเข้าถึงความว่างเองตามธรรมชาตินั้น จะได้มาจากการเจริญสัมมาสติ สัมมาสมาธิ อย่างถูกต้องและมีกำลังสัมมาสมาธิค่อนข้างมั่นคงแล้ว
ดังนั้น ความว่างชนิดนี้ จะเกิดอยู่ได้เองถึงแม้ว่าจะไม่ได้นั่งสมาธิ หรือเกิดอยู่ได้เองในขณะที่กำลังทำกิจวัตรประจำวันส่วนตัวอยู่
เมื่อผู้ปฏิบัติที่ยังไม่เคยพบกับความว่างตามธรรมชาติแห่งจิตใจ เขาจะมองไม่ออก จะดูไม่เห็น แต่เขาจะเห็นได้แต่พลังงานจิตปรุงแต่ง (ดังที่เขียนในข้อ 2 ) ที่มันเกิด-หยุด เกิด-หยุด เป็นพัก ๆ ไป ต่อเมื่อเขาเห็นพลังงานจิตปรุงแต่งเกิด-หยุด เกิด-หยุด ได้บ่อย ๆ จนชำนาญ เขาจะพบและเห็นความว่างของจิตใจได้เองสักวันหนึ่ง เมื่อเขาได้พบความว่างแห่งจิตใจได้ 1 ครั้งแล้ว เขาจะไม่มีความลำบากที่จะเห็นความว่างแห่งจิตใจอีกเลย เขาจะเห็นจิตใจที่ว่างได้บ่อย ในทุกอิริยาบท ไม่ใช่เห็นได้แต่เพียงขณะนั่งสมาธิ ตราบเท่าที่สัมมาสมาธิยังตั้งมั่นอยู่ได้

6.อาจมีผู้สงสัยว่า ความว่างที่ผมพูดนี้คือนิพพานใช่หรือไม่ เรื่องนี้ผมไม่อาจเฉลยได้ อันเนื่องจากว่า นิพพาน ก็เป็นชื่อสภาวะธรรมทางจิตใจอย่างหนึ่งที่ไม่มีการแปรเปลี่ยน แต่ผมขอคาดเดาว่า ถ้าใครก็ตามที่สามาถปฏิบัติธรรมจนเห็นจิตใจที่ว่างเปล่าได้อยู่ตลอดเวลาแล้ว เขาก็คงสัมผัสกับนิพพานเช่นเดียวกัน

7.อย่าหลงใหลความว่าง อย่าอยากได้ความว่าง อย่าสร้างความว่างขึ้นมาจากความอยาก
ถ้าหลงไหล ถ้าอยากได้ ถ้าสร้างขึ้นมา จิตใจมันก็ไม่ว่างแล้วแล้วท่านจะได้ความว่างได้อย่างไรกัน

8.เรื่องความว่างพูดมากไม่ได้ เพราะคนที่ว่าเขาได้พบความว่างแล้ว เขาก็จะมีทิฐิประจำตัวที่เชื่อว่าสิ่งที่เขาพบนั้นเป็นความว่างจริง ไม่ใช่ของเก๊ แต่เมื่อใดที่เขาได้พบทั้งของจริงและของเก๊ เขาจะรู้ทันทีเลยว่า อันไหนจริง อันไหนเก๊

ขอจบเรื่องนี้เพียงเท่านี้ อย่าได้เชื่อผม จนกว่าท่านจะพบเองทั้งว่างจริง ว่างเก๊ นั้นแหละ


Create Date : 23 พฤษภาคม 2552
Last Update : 29 มกราคม 2555 19:54:30 น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น