วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เล่าเรื่อง นิพพิทา

เล่าเรื่อง นิพพิทา

บทความนี้ ผมจะนำเอาประสบการณ์ เมื่อผมพบกับ นิพพิทา มาเล่าให้ท่านฟัง เพราะผมเชื่อว่า นักปฏิบัติจำนวนมาก เมื่อพบกับ นิพพิทา จะติดอยู่ที่นี่ แล้วแก้ไม่หลุด จมอยู่กับความทรมาน
*************

ก่อนอื่น ผมจะอธิบายคำว่า นิพพิทา ก่อนว่า มันต่างจากโทสะ อย่างไร

นิพพิทา คือ ความเบื่อหน่าย ฟังดูคล้ายโทสะ แต่ไม่เหมือนกัน

นิพพิทา จะเป็นการเบื่อหน่ายในกองสังขารทั้งปวง ทั้งที่เป็นสิ่งของรอบตัว เช่น บ้าน สิ่งของต่าง ๆ ในบ้าน รวมทั้ง ขันธ์ 5 นิพพิทาเกิดเพราะการเห็นไตรลักษณ์ ความเสื่อมแห่งกองสังขารนั้น ๆ มามาก ๆ นั้นเอง เมื่อเกิดนิพพิทา ความทะยานอยากต้องการในสรรพสิ่งจะหดหายไปทั้งหมด

ส่วนโทสะ จะเป็นอาการไม่พอใจ ไม่สมหวังในความอยากที่ต้องการ
แต่ก็ยังมีความอยากในเรื่องอื่น ๆ อยู่ เช่น เบื่อในงานที่ทำอยู่ แต่ก็ยังมีความอยากไปท่องเที่ยว อยากไปดูหนัง อยากไปกินอาหารอร่อย ๆ เป็นต้น

ท่านคงมองความต่างออกระหว่าง นิพพิทา และ โทสะได้นะครับ

ในพระไตรปิฏก ไม่มีการกล่าวไว้ เมื่อเกิดนิพพิทาแล้วจะจัดการกับนิพพิทาอย่างไร แต่ถ้าท่านได้อ่านดูในพระไตรปิฏก จะกล่าวไว้ดี โดยจะเขียนว่า เมื่อเบื่อหน่าย แล้วคลายกำหนัด แล้วก็ถึงนิพพาน ฟังดูสวยเหลือเกินให้อยากได้นิพพิทามาก แต่ถ้าใครได้แล้ว แก้ไม่ออกจะรู้สึกเองว่ามันทรมานแค่ไหน
เมื่อผมเกิดนิพพิทาและติดมันเป็นเวลานานเกือบ 4 เดือน มันทำให้ผมเข้าใจเองว่า ทำไมในสติปัฏฐาน 4 จึงเขียนไว้ว่า การปฏิบัติสติปัฏฐาน 4 อย่างเร็ว 7 วัน อย่างช้า 7 ปี จะได้เป็นพระอรหันต์ หรือ ไม่ก็เป็นพระอนาคามี
ทำไมในพระไตรปิฏก ไม่ฟันธงว่า ต้องเป็นพระอรหันต์สถานเดียว ที่มีห้อยพระอนาคามี เพราะการติดในนิพพิทานี่เอง ที่แก้ไม่หลุดสักที
นอกจากนี้ ในพระไตรปิฏก ยังมีการกล่างถึง พระในยุคนั้นที่จ้างคนต่างศาสนามาฆ่าให้ตาย ผมคาดว่า พระเหล่านั้น คงติดในนิพพิทาแล้วแก้ไม่ออก เพราะตอนทีผมติดในนิพพิทา ผมมีความรู้สึกทรมานและต้องการตายให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย เพราะผมรู้ว่า ถ้าผมตายเสียในตอนนั้น ผมจะไปที่ไหนต่อไป อย่างน้อย ผมก็สบายใจได้ในภพเบื้องหน้าที่ผมจะไป

จริง ๆ แล้ว นิพพิทา เป็น ความคิด ของตัวเราเอง แล้วเรามองไม่ออกว่า นี่คือการยึดติดในความคิด มันเป็นความคิด .เบื่อหน่าย. ที่เกิดในจิตปรุงแต่งของนักปฏิบัติ

การแก้อาการติด นิพพิทา ก็คือ อย่าไปดูความคิด อย่าไปดูจิต ครับ
แต่ให้ดูกายอย่างเดียวเท่านั้น ให้ทิ้งเรื่องดูจิตไปเลยในตอนนั้น เพราะจิตมันปรุงแต่งอยู่ในอาการ .นิพพิทา.อยู่แล้ว ถ้าขืนไปดูจิต มีแต่แย่ลง กับแย่ลงไปเรื่อย ๆ

เมื่อมาดูกายอย่างเดียว ใช้เวลานานมากเป็นเดือน ๆ ในที่สุด มันก็หลุดจากความคิด.นิพพิทา.นี้ได้ เมื่อหลุดออก จิตก็ไม่คิดเรื่องนี้อีก เมื่อไม่คิดเรื่องนี้ จิตก็เป็นปรกติอีกครั้ง นี่แหละครับ ทุกข์จริงๆ ของนักปฏิบัติ เรื่องขาชาเพราะนั่งสมาธิ นี่เด็ก ๆ ไปเลยครับ เพราะขาชาพอเลิกนั่งไม่นานก็หายได้ แต่ถ้าติด.นิพพิทา เป็นเดือน ๆ แล้วแก้ไม่ออกซิครับ ทุกข์จริง ๆ

แต่ผลของนิพพิทา เมื่อหลุดแล้ว การเห็น .ความว่างของจิตใจ. จะเห็นได้ชัดเจนขึ้นมากกว่าเดิม

นำประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟังครับ ถ้าท่านปฏิบัติไปแล้วเจอนิพพิทา ก็ลองพิจารณาการแก้ของผมดู อาจเป็นประโยชน์ต่อท่านเอง หรือ
ถ้าท่านเกิดอยากจะทรมานเพื่อลิ้มรสแห่งทุกข์ในนิพพิทาสักตั้งหนึ่ง
ท่านจะลองดูหาวิธีของท่านเองก็ได้ครับ




Create Date : 11 มีนาคม 2553
Last Update : 29 มกราคม 2555 18:11:53 น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น