วันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

หัวใจนกอินทรี





หัวใจนกอินทรี
มีนิทานเรื่องหนึ่งเล่าต่อๆกันมาว่า มีชาวไร่คนหนึ่งในชนบทซึ่งในขณะที่เขากำลังเดินผ่านบริเวณตีนเขาที่มีหน้าผาสูงชัน ชาวไร่คนนั้นก็ได้พบกับไข่ของนกอินทรีฟองหนึ่งที่น่าจะตกลงมาจากรังซึ่งอยู่บนหน้าผาบริเวณนั้น
แต่ว่าไข่ฟองนั้นยังไม่แตก เขาจึงได้เก็บไข่ใบนั้นกลับไปที่ไร่. แล้วเขาก็นำไปให้แม่ไก่ตัวหนึ่งที่กำลังกกไข่ของมันให้ช่วยลองฟักไข่นกอินทรีใบนี้ดู
และแล้วในไม่ช้า.... แม่ไก่ก็ฟักลูกนกอินทรีออกมาจากไข่ได้สำเร็จ เจ้าลูกนกอินทรีจึงได้เกิดมาพร้อมกับพวกลูกไก่. มันเดินตามแม่ไก่และพยายามส่งเสียงร้องเช่นเดียวกับลูกไก่. แต่มันก็ทำได้ไม่ดีเอาเสียเลย
มันเดินช้าและงุ่มง่าม เพราะตัวของมันอ้วนใหญ่ อีกทั้งเสียงของมันก็ใหญ่และแหบห้าว ไม่ไพเราะเหมือนกับพวกพี่ ๆ น้อง ๆ ไก่ของมัน
แต่มันก็พยายามหัดคุ้ยเขี่ยหาพวกแมลง ไส้เดือน และเมล็ดพืชที่ตกอยู่ตามพื้นดินกินเป็นอาหาร และใช้ชีวิตของมันไปตามประสาลูกไก่อ้วน ๆ ตัวหนึ่ง
อยู่มาวันหนึ่ง... ในขนะที่ลูกนกอินทรีและพี่น้องไก่กำลังคุ้ยเขี่ยหาอาหารกินอยู่นั้น แม่ไก่ก็ส่งเสียงร้องเตือนให้พวกลูก ๆ รีบเข้ามาซุกกับปีกของมัน เพื่อหลบหนีจากภัยร้ายที่อาจจะเกิดขึ้น มันจึงรีบวิ่งตามพี่ ๆ น้อง ๆ ของมันมาแอบซุกกับอกแม่ไก่
และเมื่อมันแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า มันก็เห็นนกตัวใหญ่ตัวหนึ่ง นกตัวนั้นช่างสง่างามและน่าเกรงขามยิ่งนัก มันบินถลาร่อนอยู่บนเวหาสีครามอย่างไม่สะทกสะท้านต่อสิ่งใด
"แม่จ๋า... นั่นตัวอะไรจ๊ะแม่ ดูช่างสง่างามและน่าเกรงขามจังเลย". แม่ของมันจึงตอบว่า
"ลูกเอ๋ย... นั่นคือเจ้าแห่งเวหา หรือพญาอินทรีไงล่ะ เจ้าอย่าได้แสดงตัวออกไปท้าทายเด็ดขาด
เพราะนอกจากท่านจะสง่างามแล้ว ท่านยังมีกรงเล็บและจะงอยปากอันแหลมคมที่สามารถฉีกเนื้อของเจ้าออกเป็นชิ้น ๆ ได้อย่างง่ายดายเลยทีเดียว".
เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า มันก็โตขึ้นเป็นอินทรีหนุ่ม ส่วนเหล่าพี่น้องของมันก็เติบโตขึ้นเป็นไก่หนุ่มไก่สาวที่ล้วนแล้วแต่มีความคล่องแคล่วปราดเปรียวยิ่งนัก ผิดกับเจ้านกอินทรีที่ยังคงแลดูอ้วนและอุ้ยอ้ายเช่นเดิม สร้างความขบขันให้กับบรรดาไก่ทั้งหลาย และถูกล้อเลียนอยู่เนืองนิตย์ มันจึงนึกในใจว่า...
"ทำไมตัวฉันนี้ช่างโชคร้ายเสียจริง ๆ ที่เกิดมามีร่างกายอันใหญ่โตกว่าไก่ตัวอื่น ๆ ดูสิตัวของฉันนั้นใหญ่โตจนน่าจะเท่ากับพญาอินทรีที่ยิ่งใหญ่แล้ว แต่ฉันกลับไร้ค่ายิ่งนัก เมื่อเปรียบกับเจ้าเวหาผู้ครอบครองแผ่นฟ้า
นี่ถ้าฉันได้เป็นนกอินทรีจริง ๆ ก็คงจะดีไม่น้อยทีเดียว เพราะบรรดาไก่ทั้งหลายจะได้ไม่หัวเราะเยาะฉันอีก เหมือนเช่นทุกวันนี้".
ในที่สุดนกอินทรีตัวนั้นก็ใช้ชีวิตต่อไปดั่งเช่นไก่ที่อัปลักษณ์ตัวหนึ่ง เติบโต แก่ลง และตายไป ด้วยความหวัง และคำอธิษฐานที่น่าสงสารก่อนตายว่า...
"เกิดชาติหน้าอีกครั้ง ขอให้ฉันเกิดเป็นนกอินทรีเถิด"
........................………………
จงเชื่อถือและศรัทธาต่อตนเอง
จงจำเอาไว้เสมอว่า… เราจะเป็นใครนั้น สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่รูปลักษณ์ภายนอก แต่มันอยู่ที่ "หัวใจของเราเอง". หัวใจที่ต้องเชื่อถือและศรัทธาต่อตัวของเราเองเท่านั้น เฉกเช่นเดียวกันกับลูนกอินทรี ที่แม้ว่าร่างกายภายนอกของมันจะเป็นพญาอินทรีที่ยิ่งใหญ่แล้วก็ตาม แต่เมื่อมันไร้ซึ่งหัวใจของพญาอินทรีแล้ว มันก็ไม่มีวันที่จะกลายเป็นพญาอินทรี เจ้าแห่งเวหาได้
สิ่งที่เลวร้ายยิ่งขึ้นไปอีกก็คือ เมื่อหัวใจของมันยอมรับว่าตัวของมันคือไก่อัปลักษณ์แล้ว มันก็ไม่มีวันที่จะเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นได้อีกต่อไป ชีวิตของมันจึงต้องเป็นเช่นไก่อัปลักษณ์ไปตลอดชีวิต.
ตัวเราเองก็เช่นกัน… คงไม่มีใครที่จะสามารถช่วยเหลือเราให้เป็นคนสำเร็จได้ ทั้งที่ตัวเราก็มีร่างกายที่ไม่ได้แตกต่างจากคนสำเร็จคนอื่น ๆ เลย แล้วมันจะยากอะไรล่ะ สิ่งที่เหลือก็เพียงเราต้องเอาหัวใจของคนสำเร็จมาใส่ในตัวของเราให้ได้ หัวใจที่ศรัทธาในตัวของเราเองอย่างไม่สั่นคลอน หัวใจที่เชื่ออย่างไม่มีข้อสงสัยใด ๆ ว่า.
เราคือ "คนสำเร็จ". เราคือ "พญาอินทรีที่ยิ่งใหญ่". จงกางปีกแล้วบินไปบนท้องฟ้าอันกว้างใหญ่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น