วันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ปฏิบัติธรรมแล้วไม่ได้อะไรจริงหรือ

ปฏิบัติธรรมแล้วไม่ได้อะไรจริงหรือ

บทความนี้ เขียนขึ้นเพื่อไว้ให้ชาวพุทธทีสนใจการปฏิบัติได้อ่านกัน และเป็นความเห็นส่วนตัว ถ้าบทความนี้ เกิดไปพาดพิงถึงครูบาอาจารย์ท่านใดในทางลบ ขอให้ท่านได้ทราบว่า มันไม่ใช่เจตนาของผู้เขียนบทความนี้เลย และผมก็ไม่มีใจจะปรามาสต่อท่านผู้ใดทั้งสิ้น
และบทความนี้ค่อนข้างเชื่อได้ยาก เพราะผู้เขียนเป็นเพียงฆราวาสคนหนึ่งเท่านั้น และไม่มีการอ้างอิงพุทธพจน์ดังค่านิยมที่ชาวพุทธส่วนใหญ่ต้องการ และบทความนี้ ยังบังอาจไปแย้งกับครูบาอาจารย์ที่เป็นพระภิกษุที่มีผู้คนเคารพเป็นจำนวนมากอีกเสียด้วย

ฝากไว้ให้ท่านพิจารณาเอาเองก็แล้วกัน
**********************************
เมื่อท่านที่สนในการปฏิบัติธรรมเพื่อการพ้นทุกข์ได้มีความเพียรเจริญอริยมรรคมีองค์ 8 ดังที่พระบรมศาสดาได้บัญญัติไว้ให้พุทธบริษัทได้ปฏิบัติกัน

เมื่อท่านลงมือปฏิบัติอย่างถูกต้อง ผลขั้นต้นอันแรกที่ท่านจะได้คือ จิตรู้ แยกตัวออกจากสิ่งที่ถูกรู้ ทำให้ จิตรู้ สามารถเห็นปรมัตถ์ธรรมของขันธ์ 5 ได้ตามความเป็นจริง นี่คือขบวนการวิปัสสนาได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

เมื่อจิตรู้ของท่านเริ่มตั้งมั่นมากขึ้นเพราะความเพียรอย่างไม่ลดละ
ผลต่อไปก็คือ ขบวนการหยุด .จิตปรุงแต่ง. ด้วยสัมมาสมาธิ
ขอให้ท่านลองจินตนาการดู วันหนึ่ง ๆ ท่านมีเรื่องทีต้องคิด และมีความวิตกกังวลประดังเข้ามาวันละกี่เรื่อง แต่ถ้า สัมมาสมาธิหยุดจิตปรุงแต่งที่เป็นส่วนของการวิตกกังวลนี้ได้ ชิวิตท่านจะมีความสุขขนาดไหน ท่านจะทำงานอย่างมีความสุขขนาดไหน ผมไม่เฉลย ท่านคงคิดต่อได้เอง จริงไหมครับ

เมื่อท่านมีความเพียรต่อไปอีกจากทีมีความตั้งมั่นแห่งสัมมาสมาธิ
สิ่งที่จะเกิดแก่ท่านตามมาก็คือ ท่านจะมี .ญาณ.
บางท่านอาจมี ญาณ หลายอย่าง
แต่ ญาณ ที่ผมจะกล่าวถึงและเป็นสิ่งที่ใช้ในการดับทุกข์
ก็คือ อาสวขยญาณ

เมื่อ อาสวขยญาณ เกิดในจิตใจท่าน มันจะเหมือนว่า ท่านมียามรักษาการณ์ที่ไม่เคยนอนหลับเฝ้าบ้านท่านไว้ โจรผู้ร้ายไม่อาจกล้ำกลายมาในบ้านท่านได้เลย เพราะยามคนนี้จะไม่เคยหลับเลยและจะเฝ้าบ้านอย่างขยันมาก และ มีดาบอัน คมกลิบ ที่สามารถบั่นหัวโจรร้ายที่บังอาจโผล่เข้ามาในบ้านท่าน
เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น

ถ้ากล่าวในทางธรรม อาสวขยญาณ จะปรากฏให้ท่านรู้ว่า จิตใจของท่านตอนนี้กำลังเป็นอย่างไร เช่น จิตใจของท่านมันมันกำลังว่างเปล่า ไร้ทุกข์อยู่ มันก็รู้ เมื่อมีกิเลสร้ายพยายามจะโผล่ขึ้นมาในจิตใจท่าน มันก็รู้อีก แล้ว อาสวขยญาณนี้จะทำลายกิเลสที่โผล่ขึ้นมาอย่างรวดเร็วดังฟ้าแล็บ โดยที่ท่านไม่ต้องลงมือทำอะไรเลย ขบวนการทำลายกิเลสทั้งหมดเกิดอย่างอัตโนมัติทั้งสิ้น

ท่านลองนึกเองก็ได้ ถ้าอาสวขยญาณ เกิดในจิตใจท่าน ทุกข์ใดจะโผล่มาเล่นงานท่านได้อีก

เมื่อท่านมีความเพียรต่อไปอีก จะเกิดมรรคผลในระดับสูงขึ้นไปอีก ซึ่งผมไม่ขอกล่าวถึงในบทความนี้ เพราะผมยังไปไม่ถึงครับ

ท่านชาวพุทธที่เป็นนักปฏิบัติครับ สิ่งที่ผมเขียนมานี้ ท่านจะเห็นว่า นี่คือผลแห่งการปฏิบัติธรรมอันมีอริยมรรคมีองค์ 8 เป็นประธาน
ผลของมัน มีเป็นขั้นเป็นตอน ตามลำดับแห่งการปฏิบัติและกำลังแห่งสัมมาสมาธิ และ กำลังแห่ง ญาณ

เมื่อเป็นอย่างนี้ จะกล่าวได้อย่างไรว่า ปฏิบัติธรรมแล้วไม่ได้อะไร ถ้าไม่ได้อะไร จะมีความเพียรในการปฏิบัติกันไปทำไม จริงไหมครับ

หมายเหตุ ท้ายบทความ

สิ่งที่จะเขียนต่อไปนี้ จะอ่านแล้วอาจเข้าใจไม่ได้ หรือ เข้าใจยากสักหน่อย

สิ่งที่ท่านได้จากการปฏิบัติธรรมตามที่ผมเขียนข้างต้นนั้น ท่านจะได้ต่อเมื่อท่านยังมีตัวตนอยู่

แต่ถ้าท่านปฏิบัติจนสิ้นความเป็นตัวตนเสียแล้ว (ไม่ได้หมายความว่า ตาย นะครับ)
ถึงตอนนั้น สิ่งทีท่านได้มาข้างต้น มันก็ไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว




Create Date : 10 มีนาคม 2553
Last Update : 29 มกราคม 2555 18:12:09 น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น