วันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ความว่าง - ความไม่มีอะไร

ผมได้เขียนเรื่องความว่างไว้ที่ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=05-2009&date=23&group=1&gblog=10
แต่อ่านแล้วยังมองภาพไม่ชัดพอ และ ยากจะเข้าใจ
ผมจึงเขียนเพิ่มเติมอีกในบทความนี้

ก่อนมาเข้าใจเรื่องนี้ ผมอยากให้ท่านจำลองเหตุการณ์ก่อนว่า
สมมุติว่ามีเครื่อง Notebook 1 เครื่อง ที่กำลังเปิดทำงานอยู่

1...ว่างแบบที่ 1 คือ ความว่างที่อยู่รอบ ๆ เครื่อง Notebook นั้น ถ้าท่านไม่เข้าใจ ก็ขอดูภาพนี้ก่อน ความว่างระหว่างฝ่ามือ


ความว่างแบบนี้ จะเป็นความว่างที่สิ่งของไม่มีอยู่
ดูมันธรรมดาเหลือเกิน แต่ถ้าท่านไม่เคยสังเกตมัน
ท่านก็ไม่เคยเห็นมันเหมือนกัน
เมื่อผมปฏิบัติเจริญสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผมพบความว่างชนิดนี้ได้ก่อน เมื่อผมพบใหม่ ๆ ผมดีใจมาก คิดว่า นี่คือ จิตว่าง แต่มันไม่ใช่ครับ

2...ว่างแบบที่ 2 ทีนี้ขอให้ท่านนึกถึงเครื่อง Notebook ครับ
ท่านเปิดเครื่องให้ทำงานแล้ว เครื่องกำลัง boot ครับ แต่มีปัญหาอะไรสักอย่าง หน้าจอไม่ขึ้นอะไรเลย นอกจากภาพขาว ๆ เต็มหน้าจอ
ความว่างแบบที่ 2 นี้จะคล้าย ๆ อย่างหน้าจอขาว ๆ ของ notebook ที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากความว่างขาว ๆ ที่หน้าจอ
เมื่อผมพบความว่างแบบนี้ ผมพบโดยที่ผมเห็นการดับลงไปของความคิด หรือ อารมณ์จิต ซึ่งหมายความว่า ท่านต้องฝึกสัมมาสติ สัมมาสมาธิ จนจิตรู้มีกำลังและเห็นความคิด หรือ อารมณ์จิต มันเกิด-ดับได้แล้ว พอผมเห็นความคิด หรือ อารมณ์จิตมันดับลงไป ผมก็สังเกตเห็นเจ้าความว่างแบบที่ 2 นี้ได้ครับ
พอผมเห็นมันได้แล้ว ทีนี้ มันจะปรากฏตัวให้เห็นอยู่เสมอ ๆ แต่ถ้าตอนที่กำลังจิตตกต่ำลงไป ก็จะไม่เห็นเหมือนกัน
แต่ถ้าวันไหนกำลังจิตดี มันจะแสดงตัวให้เห็นตลอดวันทีเดียว
ว่างแบบที่ 2 นี้ ยังมี 2 แบบครับ คือ ใหม่ ๆ จะเห็นเป็นดวง คล้าย ๆ ดวงจันทร์ แต่พอเห็นได้มาก ๆ เข้า ก็จะเห็นเป็นอีกแบบที่ไม่เป็นดวงแล้ว คือ มันจะแผ่กว้างออกไป เหมือน ดวงอาทิตย์ทรงกลด แต่จะไม่มีดวงอาทิตย์ให้เห็น (ขออภัยที่อธิบายอาจไม่รู้เรื่อง เพราะอธิบายยากจริง ๆ )
เมื่อความว่างนี้ปรากฏให้เห็นอยู่เมื่อใด ทุกข์ใจก็หดหายไปหมดสิ้น
ช่างวิเศษจริง ๆ สำหรับใครที่พบความว่างแบบนี้

3...ว่างแบบที่ 3 อันนี้ขอให้นึกถึงอาการที่ Notebook ไม่เปิดเครื่องครับ หน้าจอไม่มีอะไรเลย ไม่มีแสงออกมา หรือ ถ้าจะคิดว่า ไม่มีเครื่อง Notebook อยู่ก็ได้เช่นกัน
ความว่างแบบนี้ ดูจะธรรมดามาก ๆ เพราะมันมองไม่เห็นอะไรครับ แต่รู้ว่ามันไม่มีอะไรโดยที่ไม่ต้องจงใจไปรู้ในความว่างแบบนี้ ซึ่งถ้าเทียบกับคนทั่ว ๆ ไป เขารู้ว่าไม่มีอะไร ก็ต่อเมื่อ่เขาจงใจที่จะนึกถึงมัน
การรู้ความว่าง หรือ ความไม่มีอะไรในจิตใจแบบนี้ คือ เราจะรู้ว่า ตอนนี้ จิตใจมันไม่มีอะไรอยู่ในนั้นครับ โดยที่เราจะรู้ว่ามันไม่มีอะไรอยู่ตลอดเวลา
แต่ถ้าจิตใจมีการสั่นไหวเมื่อไร ก็จะรู้เช่นกันว่า มีการสั่นไหวของจิตใจแล้ว

ซึ่งถ้าผมยกตัวอย่างการรู้แบบนี้ก็คล้าย ๆกับว่า

ถ้าท่านนั่งทำงานอยู่ แล้วไม่มีแผ่นดินไหว แผ่นดินมันนิ่งอยู่ท่านก็รู้อยู่ว่าไม่มีแผ่นดินไหว แต่ถ้ามีแผ่นดินไหวเมื่อไร ท่านก็รู้ได้ว่า มีแผ่นดินไหวแล้ว พอแผ่นดินหยุดไหว ท่านก็รู้อีกว่า แผ่นดินหยุดไหวแล้ว

ความว่างแบบที่ 3 นี่ดูธรรมดามาก ซึ่งจะคล้าย ๆ กับแบบที่ 2 ตอนที่กำลังจิตตกต่ำลงไป แต่มันต่างกันตรงที่ว่า ถ้าแบบที่ 2 กำลังจิตตกต่ำลงไป ท่านจะไม่เห็นความว่างแบบที่ 2 คือ มันหายไปเลยที่คล้ายแบบที่ 3 แต่ต่างกันที่ว่า ท่านต้องตั้งใจรู้ถึงความว่าง จึงจะเห็นความว่างแบบที่ 3 ได้
แต่ถ้าท่านปฏิบัติตนเห็นความว่างแบบที่ 3 ได้แล้ว ท่านไม่ต้องจงใจทีจะเห็นมัน มันก็เห็นได้เองอยู่ตลอดเวลาครับ

ความว่างแบบที่ 3 นี้ให้ความสุขสงบแห่งจิตที่มั่นคงปราณีตมากกว่าแบบที่ 2 ครับ

***
ผมไม่รู้ว่า จะยังมีความว่างแบบอื่นอีกหรือไม่

ผมหวังว่า ท่านที่สงสัยเรื่องความว่าง คงพอได้แนวทางจากบทความนี้ว่า สิ่งที่ท่านพบว่ามันว่าง มันเป็นแบบ 1 / 2 / 3 หรือ อาจมีแบบอื่นอีกก็ได้ครับ

ต้องขออภัย ถ้าท่านอ่านแล้วไม่รู้เรื่อง เพราะเรื่องนี้ เขียนอธิบายเป็นภาษาได้ยากจริง ๆ ครับ


Create Date : 04 เมษายน 2553
Last Update : 29 มกราคม 2555 18:11:21 น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น